เครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม



เครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
Social Venture Network Asia (Thailand)
   เครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมฯ ก่อกำเนิดจากชาวอเมริกันผู้หนึ่งที่เล็งเห็นปัญหา การพัฒนาด้านเศรษฐกิจที่ไม่รับผิดชอบต่อสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อม และในเวลา 15 ปีที่ผ่านมาได้ขยายเครือข่ายไปยังเพื่อนนักธุรกิจที่มีแนวความคิดคล้อยกันในภาคพื้นยุโรปและอเมริกากว่า 2,000 องค์กร ประเทศไทยและภูมิภาคเอเซีย เป็นกลุ่มใหม่ที่จะเชื่อมประสานให้เกิดขึ้นเป็นเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมแห่งโลก เป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์และประสานธุรกิจของคนที่มีกระบวนทัศน์ คล้ายกัน คือ คนที่คิดว่าความเจริญทางวัตถุอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะให้สังคมโลกอยู่รอดได้ ต้องมีความเจริญทางจิตวิญญาณ ต้องมีสิ่งแวดล้อมที่งดงามสำหรับลูกหลานและคนรุ่นต่อไป ต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิตและการอยู่ในสังคมอย่างมีน้ำใจต่อกัน มิใช่เพียงต่อเพื่อนมนุษย์เท่านั้น เราต้องมีน้ำใจต่อธรรมชาติด้วย เราควรใช้ทรัพยากรเพื่อการดำรงอยู่ที่แท้จริง ไม่ใช่ระดมใช้อย่างฟุ่มเฟือยดังที่ ผ่านมา ความสำเร็จของเราคือการใช้ให้น้อยที่สุด แต่มีความสุขและพอใจได้เหมือนกัน

SVN ประเทศไทย
   การพัฒนาอุตสาหกรรมในหลายรอบทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงที่นำความบอบช้ำอย่างสาหัสมาสู่โลกของเรา เราต้องสูญเสียความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สูญเสียสังคมอันอบอุ่น วัฒนธรรมท้องถิ่นที่เคยทรงเสน่ห์ ธรรมชาติที่เคยสวยงาม ผืนป่าที่เคยอุดม สิ่งแวดล้อมที่เคยบริสุทธิ์ เพื่อแลกกับความล่มสลายทางเศรษฐกิจ และสังคมไร้สุขที่แผ่อาณาบริเวณโยงใยไปทั่วทุกภูมิภาคของโลกลึกลงสู่ปัจเจกชน คนฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้น ปัญหามลภาวะ สิ่งแวดล้อม ซากปรักหักพังของโรงงานร้างในประเทศด้อยพัฒนา คนงานจากภาคการเกษตรที่ถูกฝึกให้ชำนาญเฉพาะทางในภาคอุตสาหกรรมที่จำต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ ในการทำการเกษตรอย่างขาดความเชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางตกงาน ปัญหาสุขภาพจิตพันลึกลงไปถึงปัญหาครอบครัวเด็กและผู้หญิง นับเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจประมาณค่าได้ บทเรียนราคาแพงของการพัฒนาที่ผ่านมาทำให้นักธุรกิจกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า SVN
   นอกจากนั้นกลุ่มนักธุรกิจ SVN ยังตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญในการที่จะดูแล การอยู่ร่วมกันของผู้ได้เปรียบและเสียเปรียบทางอำนาจเศรษฐกิจ-สังคม ซึ่งความจริงในปัจจุบันบรรษัทข้ามชาติเพียงไม่กี่แห่ง เป็นผู้ทรงอำนาจที่แท้จริงที่ครอบงำโยงใยไปถึงแนวนโยบายการ ปกครองในประเทศต่างๆ โดยผ่านนักการเมืองหรือผู้นำสำคัญของประเทศนั้นๆ แม้หน่วยงานระดับโลกที่ตั้งขึ้นเพื่อธำรงไว้ซึ่งความเป็นกลาง เพื่อสันติภาพ ความมั่นคงและความชอบธรรมต่างๆ ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่อาจเป็นที่พึ่งพาได้ในความยุติธรรมหรือดำรงความเป็นกลางได้อย่างแท้จริงอีก ต่อไป องค์กรเหล่านั้นกลับเป็นเพียงเครื่องมือของประเทศมหาอำนาจ ที่ใช้อำนาจช่วงชิงโอกาสและใช้กองกำลังอย่างโหดเหี้ยมกับประเทศที่อ่อนแอกว่า โดยอ้างว่าเป็นความชอบธรรมเพื่อสันติภาพของโลก การกำหนดนโยบายของประเทศชั้นนำตกอยู่ภายใต้อำนาจของกลุ่มการค้าผูกขาดที่ กุมอำนาจทางการผลิตภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัจจุบันโลกของเรามีบริษัทผู้ผลิตน้ำมัน รถยนต์ เครื่องมือสื่อสาร เทคโนโลยี บริษัทค้าปลีก เหลือเพียงกลุ่มธุรกิจละไม่เกิน 10 บริษัท การแข่งขันอย่างเสรีไม่เป็นความจริงอีกต่อไป อนาคตต่อจากนี้คือการ ร่วมกันผูกขาดอย่างขนานใหญ่ของบริษัทข้ามชาติต่างๆ เราต้องใช้เมล็ดพันธ์พืชและสัตว์ที่เกษตรกรไม่อาจเพาะพันธ์ในรุ่นต่อไปเองได้อีกต่อไป

   โลกของเราถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมการพึ่งพาแบบ ผูกขาดที่ดิ้นไม่หลุดเสียแล้ว เราจะทำอย่างไรต่อไป ในเมื่อมนุษย์นั้นมีสัญชาตญาณของความต้องการอิสระภาพอย่างยิ่งบทบาทของสุนัขเฝ้าบ้าน(Watch dog) จึงเป็นหน้าที่สำคัญประการหนึ่งของกลุ่ม SVN ทั่วโลก